วัฏจักรเศรษฐกิจ (Economic Cycle) ประกอบด้วย 4 ช่วง คือ ช่วงตกต่ำ ช่วงฟื้นตัว ช่วงรุ่งเรือง และช่วงถดถอย ซึ่งในแต่ละช่วงจะมีสินทรัพย์ที่น่าลงทุนแตกต่างกันไป

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเกิดจากพฤติกรรมราคาที่เกิดขึ้นซ้ำๆ จนคาดการณ์ได้ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ก็มักจะมีเกิดผลแบบนั้นตามมา

แม้ไม่มีหลักฐานชี้ชัดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเศรษฐศาสตร์นั้น อยู่คู่กับวิถีชีวิตมุนษย์มาตั้งแต่แรก ที่เริ่มอยู่กันเป็นสังคม ผ่านการแบ่งงานกันทำตามความถนัด และการแลกเปลี่ยนสิ่งของ

ราคาทองคำมีความผันผวนเนื่องจากตอบรับแทบทุกปัจจัยที่เข้ามากระทบ โดยแต่ละปัจจัยจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำแตกต่างกัน

น้ำมัน (Oil) ถือเป็น สินค้าโภคภัณฑ์หลัก (Core Commoditiy) เนื่องจากเกือบทุกๆกิจกรรมทางการค้าและทางสังคม มีการใช้พลังงานหรือเชื้อเพลิงในแทบทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะโดยทางตรง หรือทางออมก็ตาม

ระบบการตลาดสินค้าเกษตรมีเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จากความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป จึงส่งผลให้การผลิตเปลี่ยนตามไปด้วย นอกจากนี้ยังมีสินค้าบางชนิดซึ่งต้องการรูปแบบการตลาดเฉพาะ เช่น สินค้ามีการเน่าเสียง่าย

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเกิดจากพฤติกรรมราคาที่เกิดขึ้นซ้ำๆ จนคาดการณ์ได้ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ก็มักจะมีเกิดผลแบบนั้นตามมา

การที่ราคาปรับตัวขึ้นสูงเกิน หรือลงต่ำเกินกว่าความเป็นจริง ราคามักปรับตัวสู่จุดราคาดุลยภาพเมื่อชนแนวรับ-แนวต้าน จึงทำให้เกิดจากกลับตัวของแนวโน้ม

เมื่อเราเริ่มศึกษากราฟของอะไรสักอย่าง นักลงทุนควรไล่ดูกราฟจาก Timeframe ใหญ่ก่อน แล้วจึงค่อยลงมาดูใน Timeframe ที่เล็กกว่า เพื่อให้เห็นภาพรวมใหญ่ก่อน รวมถึงแนวรับ-แนวต้านสำคัญเป็นลำดับแรก